ดูหนัง Your Name Engraved Herein (2020)

ดูหนัง Your Name Engraved Herein (2020)

ดูหนัง Your Name Engraved Herein (2020)  เมื่อความรักมีการถาม ภาพยนตร์สร้างเนื้อสร้างตัวละครหลักขึ้นมาเป็น อาฮั่น เด็กวัยรุ่นตั้งปัญหาต่อเพศสภาพการณ์ของตน เมื่อเขาเริ่มกระปรี้กระเปร่ากับ เบอร์ดี้ เพื่อนชายที่ร่วมกลุ่มโยธวาทิตร่วมกัน กระทั่งเปลี่ยนเป็นเพื่อนสนิทรวมทั้งมีความรู้สึกดีๆต่อกันท้ายที่สุด แต่ถ้าว่า บรรยากาศของสถานที่เรียนโรมันคาทอลิกการรักเพศเดียวกันนับว่าเป็นเรื่องต้องห้าม แล้วก็หนักไปในทางไม่ถูกบาป บรรยากาศของหอนักเรียนชายที่เข้มงวดไปด้วยกฎที่ต้องปฏิบัติตาม ความคาดหมายของครอบครัวคนจีนที่ลูกชายเป็นความหวังสูงสุดของบ้าน สภาพสังคมที่ถูกควบคุมด้วยการบ้านการเมืองตอนเบ่งบาน และก็การไม่รับของสังคมทำให้เบอร์ดี้พากเพียรตีจาก และก็เริ่มคบกับ ปันปัน (ไม่ไม่ เฉียว) เพื่อนพ้องเด็กนักเรียนผู้หญิงร่วมกันเพื่อเปลี่ยนตัวตน

Setting ที่หัวข้อนี้ถือขึ้นมาเล่น เป็นสิ่งที่ดูแล้วรู้สึกว้าวและก็ตลึงกับความคมคายสำหรับในการหาวิธีการนำเสนอผลงานชิ้นโบว์แดงชิ้นนี้ออกมา ซีรีส์เลือกใช้ประเทศจีนไต้หวัน ในขณะที่พึ่งล่วงเลยการประกาศกฎอัยการศึก สมัยที่เกย์โดนยัดเยียดข้อหาว่าเป็นเชื้อไวรัส ซึ่งก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากสังคมไทยในอดีตเยอะแค่ไหนนักที่ปลูกฝังความนิยมไม่ถูกๆความเชื่อถือที่เหยเกว่า ผู้ที่ไม่ถูกเพศนั้นเป็นโรคที่เหมาะจำต้องได้รับการดูแลและรักษา เป็นประโยคแสนชั่วร้ายแต่ถ้าว่ามีอยู่จริงบวกกับพวกเราจะมองเห็นความโหดร้ายทารุณของสมัยในด้านของการเช็ดกปองร้ายแม้ออกมาเผยรสนิยมทางเพศ และก็ผู้ใดกันที่ออกมาเรียกร้องสิทธิความเสมอภาคก็จะถูกตำรวจจับไปอย่างสบาย เสมือนเป็นมิจฉาชีพที่กระทำผิดรุนแรง

ดูหนัง Your Name Engraved Herein (2020)

เนื่องจากว่าค่าความนิยม ความนึกคิด ความศรัทธาในยุคนั้นมันเป็นตัวบีบให้พวกเขาอีกทั้ง 2 คนจำต้อง ‘แอบ’ แล้วก็ ‘หลบลี้’ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เบอร์ดี้ก็เลยจำต้องกระทำตัวใจจืดใจดำโดยการหลบหลีกหนีหัวใจตนเองโดยการเริ่มคบกับ ปันปัน เพื่อนฝูงเด็กนักเรียนผู้หญิงเพื่อซ่อนตัวความรู้สึกที่จริงจริงของตนที่มีให้กับอาฮั่นและก็เพื่อหลีกลี้ข้อเท็จจริงที่สังคมไม่รับ โดยเหตุนี้แล้วเบอร์ดี้มิได้เป็นคนใจยักษ์ แม้กระนั้นเป็นโลกต่างหากที่ใจดำกับพวกเขา

ในหนังมีการสื่อเรื่องนี้เอาไว้ที่พอสมควรแล้ว มันคงจะสะท้อนจิตใจชาวเกย์ที่โตมาจากสมัย 80-90 ปริมาณมากมายก่ายกองทั่วทั้งโลก ที่จะต้องแกล้งทำเป็นชายแท้สุดแต่งงานกับสตรี เพื่อโกหกปิกตนเอง แม้กระนั้นแปลงเป็นว่ามันเป็นการฝ่าฝืนธรรมชาติของพวกเขา ซึ่งท้ายที่สุดแล้วชีวิตก็ปราศจากความสุขอยู่ดี

ด้านการแสดง อาจจะจะต้องสรรเสริญกลุ่มดาราหนังที่ทำเป็นดีเยี่ยม โดยยิ่งไปกว่านั้นสองตัวนำ ที่แสดงโดย Edward Chen และก็ Tseng Jing-hua

ส่วนจุดเสียของหนังก็พอเพียงมีอยู่บ้าง max สล็อต  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่หนังไปให้น้ำหนักกับฉากเข้าบทรักของสองผู้แสดงนำชายในตอนกึ่งกลางเรื่องมากเหลือเกิน แล้วไม่มีความสนใจช่วงชีวิตภายหลังจากเป็นผู้ใหญ่แล้วของทั้งคู่คน ซึ่งโชคร้ายว่าน่าจะพรีเซ็นท์ชีวิตของพวกเขาภายหลังจาก Time Skip ไปแล้วมากยิ่งกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งของเบอร์ดี้ที่สมรสไปแล้วล้มเหลวกับชีวิตของการการเป็นสามีภรรยา เลยทำให้พอสมควรแล้วบางครั้งก็อาจจะคิดว่าหนังมันเรื่อยไปหน่อยในส่วนท้าย

เพราะเหตุใดความรักของเพศเดียวกันก็เลยเกิดเรื่องไม่ถูกบาป

ดูหนังออนไลน์ Your Name Engraved Herein (2020)

ดูหนัง Your Name Engraved Herein (2020)  ในวิธีการศาสนา ประเด็นนี้ไม่ใช่แค่ผู้ชมเพียงแค่นั้นที่ตั้งปริศนาแต่ว่าอาฮั่น ซึ่งเป็นผู้แทนของวัยรุ่นในยุคนั้นก็ตั้งปัญหาด้วยความเจ็บ คุณถูกใจหญิงได้ผมถูกใจเพศชายมิได้สินะ ความรักของคุณยิ่งใหญ่กว่าผมหรอ ความรักของคุณกับผมมันแตกต่างที่ไหน อาฮั่นใส่อารมณ์ด้วยประโยคนี้กับ พ่อโอลิเวอร์ (Fabio Grangeon) ที่เป็นทั้งยังนักบวชแล้วก็คุณครูผู้ควบคุมวงดนตรี เมื่อเขามารับความรู้สึกในใจ

ภาพยนตร์หัวข้อนี้เริ่มด้วยข้อพระคู่มือ song of solomon 8:7 (เพลงโซโลมอน บทที่ 8 ข้อที่ 7 ) “น้ำมากไม่บางทีอาจดับความรักให้มอดเสียได้ หรือสายน้ำทั้งหลายแหล่ไม่บางทีอาจท่วมความรักให้สำลักตายเสียได้ ถึงแม้ว่าผู้ใดจะเอาทรัพย์สินในเหย้าของตนเองทั้งหมดมาแลกเปลี่ยนกับความรักนั้น คนนั้นจะได้รับความสบประมาทจากคนทั้งหลายแหล่เป็นอย่างยิ่ง” พระผู้เป็นเจ้ามิได้กัดกันความรักจ้ะ แต่ว่าท่านพูดว่า ไม่มีอะไรจะสวยสดงดงามพอๆกับการแสดงความรัก แม้กระนั้นความพากเพียรที่จะซื้อความรักด้วยทรัพย์สิน เป็นสิ่งที่น่าดูหมิ่น ความรักซื้อมิได้รวมทั้งบังคับมิได้จ้ะ มันไม่ยืนยง

ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสำรวจการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในวงกว้างที่เกิดขึ้นในไต้หวันในช่วงทศวรรษ 1980 นี่เป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ โดยเป็นจุดสิ้นสุดของกฎอัยการศึกและเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางของไต้หวันสู่เสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้น “ชื่อของคุณสลักไว้ที่นี่” สานต่อเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพในการเล่าเรื่อง โดยเน้นว่าการต่อสู้ส่วนตัวของตัวละครเพื่อความรักและอัตลักษณ์สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ใหญ่ขึ้นไปสู่การยอมรับและเปิดกว้างมากขึ้นอย่างไร

ภาพยนตร์เจาะลึกการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงส่วนตัวของตัวละครเมื่อพวกเขาต้องยอมรับความปรารถนาของตนเอง และเผชิญหน้ากับอคติและการเลือกปฏิบัติที่พวกเขาเผชิญ โดยนำเสนอถึงความขัดแย้งภายในและความกดดันภายนอกที่บุคคล LGBTQ+ มักประสบ ซึ่งทำให้เข้าถึงผู้ชมที่ต่อสู้กับปัญหาที่คล้ายกันได้

ตลอดทั้งเรื่อง ผู้กำกับสามารถถ่ายทอดอารมณ์ที่เข้มข้นของประสบการณ์ของตัวละครได้อย่างชำนาญ

ตั้งแต่ความสุขของความรักไปจนถึงความโศกเศร้าของความสัมพันธ์ที่ซ่อนเร้น การถ่ายภาพยนตร์ที่สวยงามและเพลงประกอบที่เร้าใจช่วยเพิ่มความลึกให้กับการเล่าเรื่อง และเพิ่มผลกระทบทางอารมณ์ของภาพยนตร์

“ชื่อของคุณที่สลักไว้ที่นี่” ส่งข้อความแห่งความหวังและความยืดหยุ่นในท้ายที่สุด หนังสือเล่มนี้ชี้ให้เห็นว่าแม้จะเผชิญกับอคติทางสังคมและการต่อสู้ดิ้นรนส่วนตัว ความรักก็มีพลังที่จะก้าวข้ามขอบเขตและเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้สนับสนุนให้ผู้ชมยอมรับตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ภูมิใจในตัวตนของตนเอง และต่อสู้เพื่อความรักและการยอมรับที่พวกเขาสมควรได้รับ

โดยสรุป “Your Name Engraved Herein” เป็นภาพยนตร์ LGBTQ+ ที่สะเทือนใจและกระตุ้นความคิด ซึ่งไม่เพียงแต่บอกเล่าเรื่องราวความรักจากใจเท่านั้น แต่ยังสำรวจธีมที่กว้างขึ้นของการค้นพบตัวเอง การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และพลังแห่งความรักที่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ต้องดูสำหรับทุกคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์ที่ท้าทายบรรทัดฐานและเฉลิมฉลองชัยชนะของความรักเมื่อเผชิญกับความทุกข์ยาก

เมื่อเดินทางมาถึงช่วงหลังของภาพยนตร์ ที่พาพวกเราเดินทางมาสู่สังคมไต้หวันในปัจจุบันที่แปลงเป็นประเทศที่เปิดกว้างในเรื่องของ LGBTQ+ เยอะที่สุดในทวีปเอเชีย เป็นชาติแรกในทวีปเอเชียที่การสมรสระหว่างคู่ควงเพศเดียวกันเป็นสิ่งถูกตามกฎหมาย ซึ่งมันไม่เหมือนกับเมื่อ 30 ปีกลายราวฟ้ากับเหว และก็ข้อสรุปของภาพยนตร์หัวข้อนี้ก็ทำให้พวกเราได้รับรู้ว่า “รักแรกพบของทุกคนยิ่งใหญ่เสมือนหนังฟอร์มยักษ์ ที่เมื่อเลือกที่จะรักแล้วย่อมรักไปเลวทรามนิรันด์ ประทับใจแล้วก็ฝังลึกเข้าไปในความจำ และไม่ว่าคนไหนก็ไม่ได้อยากต้องการที่จะมีความรักที่จำเป็นต้องแอบ“

เมื่อความรักอยู่บนความปฏิเสธของสังคม คนใดที่มีความประพฤติเบี่ยงเบนทางเพศย่อมกลายเป็นเป้าของสังคม จำต้องพบเจอกับการเช็ดกกลั่นแกล้ง ลบหลู่ดูหมิ่น นี่เป็นความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคมยุคนั้น ทำให้อาฮั่นรวมทั้งเบอร์ดี้จำเป็นต้องขวางความรู้สึกของตนเอาไว้จากสังคมรอบๆ เพราะว่าในสมัยนั้นการขอร้องสิทธิเพื่อคู่รักเพศเดียวกัน ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้เลยในสังคมไต้หวัน ซึ่งว่ากันตามจริงแล้ว ก็เป็นอย่างนี้กันทั่วทวีปเอเชียทิศตะวันออกนั่นแหละนะ

ไม่ถูกหรือที่ใครบางคนจะรักคนๆหนึ่งอย่างไม่มีข้อแม้ แล้วถูกหรือที่พวกเราต่างสร้างความจำกัดทุกสิ่งบนโลกเพียงมีความรู้สึกว่าทุกๆอย่างมันจำต้องอยู่ในกรอบที่ต้องเป็น เพศชายสวมกางเกง เพศหญิงสวมกระโปรง หญิงถูกใจสีชมพูแล้วเพศชายจะถูกใจสีชมพูบ้างมิได้หรือ คนใดกันแน่กันที่ระบุเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา มากมายไปกว่านั้นพวกเรายังจำกัดเพียงแค่ว่าเพศชายจะต้องคู่กับสตรี สังคมตีกรอบเรื่องอย่างนี้มาตั้งแต่อดีตกาล

มีคนส่วนมากมากแค่ไหนแล้วที่จะต้องทรมาณแสนสาหัสจากความนิยมดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว ซ้ำยังถูกหมายหน้าว่าไม่ดีเหมือนปกติ อะไรกันที่แสดงว่าผู้คนเหล่านั้นเปลี่ยนไปจากปกติ เนื่องจากว่าเพศชายไม่ต้องการจะมีความหวังในเพศผู้หญิงแบบนั้นหรือ หรือเพราะเหตุว่าสตรีมิได้รู้สึกถูกใจอะไรบ้างที่อยู่ในเพศผู้ชายเลยแม้กระทั้งผู้เดียว แบบงี้หรือที่ทำให้พวกเราวินิจฉัยว่าเขาไม่ดีเหมือนปกติ ความนึกคิดพวกนี้สร้างรอยแผลให้ใครๆมามากเกินพอแล้ว พวกเราต่างมีวิถีทางของตน ด้วยเหตุนั้นพวกเราไม่มีสิทธิ์ไปวินิจฉัยชีวิตของคนใดกันแน่ คนใดจะเป็นอะไร จะรักใครกันแน่ มันก็มิได้เกี่ยวพันอะไรกับพวกเรา จริงอยู่ที่ค่าความนิยมบางเรื่องถูกปลูกฝังมารุ่นสู่รุ่น แม้กระนั้นก็มิได้มีความหมายว่ามันจะแปรไปในทางที่ดีแล้วก็เหมาะสมกับยุคสมัยใหม่มิได้

หากพูดถึงข้อความสำคัญเรื่อง LGBTQ+

ยังมีคนอีกมากมายที่ยังไม่รู้เรื่องและก็หัวข้อนี้ก็ยังคงถูกนำไปกล่าวในเชิงน่าหัวเราะ โดยไม่รู้เรื่องเลยว่ากำลังทำร้ายจิตใจใครสักคนอยู่ ที่สำคัญเป็นผู้คนที่อยู่รายล้อมล่ะ ยอมรับได้แค่ไหน ? ถ้าหากเขาเผยตัวตนออกมา สำหรับคนใดกันแน่ที่ติดตามแวดวงสนุกสนานไต้หวันก็จะเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่าไต้หวันผลิตภัณฑ์งานออกมากมายที่สะท้อนความเป็น LGBTQ+ รวมทั้ง Your Name Engraved Herein หรือชื่อภาษาไทยเป็น ชื่อที่สลักไว้ใต้หัวใจ ก็เป็นเลิศผลิตผลของแวดวงภาพยนตร์ไต้หวันที่สร้างรายได้ถล่มทลายด้วยเหมือนกัน

แต่ว่าความรู้สึกที่ถูกกดทับความอยากได้ ได้ถูกเทไปที่อาฮั่นให้จำเป็นต้องเล่นบทหนัก ด้วยเหตุว่าจำต้องหามความรู้สึกของตนเองที่เผยไมได้ ทั้งๆที่ต้องการเผยใจจะขาดเอาไว้คนเดียว เบอร์ดี้เลือกที่จะจัดแจงกับความรู้สึกของตนเองด้วยการปกปิดตัวตนไปในทางที่ตรงกันข้ามกับหัวใจ ซึ่งผลของมันก็จะออกมาในแบบที่รู้จักดีกันดีในสังคมปัจจุบันนี้

ดูหนัง Your Name Engraved Herein (2020)  ได้รับเสียงติชมจากการนำเสนอหัวข้อ LGBTQ+ ที่ประณีตบรรจงและละเอียดลออ การเล่าเรื่องที่ตื่นเต้น แล้วก็การแสดงที่สะดุดตา ภาพยนตร์ประเด็นนี้ถูกใจผู้ชมไม่เพียงแค่ในไต้หวันเพียงแค่นั้น แม้กระนั้นยังรวมทั้งผู้ชมในระดับประเทศด้วย โดยสะท้อนถึงบุคคลที่จำต้องพบเจอกับความท้าที่คล้ายคลึงกันในชีวิต มีส่วนกระตุ้นให้เกิดการพูดคุยกันโดยตลอดเกี่ยวกับสิทธิและก็การยินยอมรับ LGBTQ+ อีกทั้งในไต้หวันและก็ในเวทีสุดยอด

การบรรลุเป้าหมายของภาพยนตร์หัวข้อนี้ยังแสดงถึงความเปิดกว้างและก็การยินยอมรับข้อความสำคัญ LGBTQ+ ในโรงหนังของไต้หวันที่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสะท้อนถึงความเคลื่อนไหวทางด้านสังคมในวงกว้างรวมทั้งทัศนคติที่เปิดกว้างเพิ่มมากขึ้น เป็นสิ่งพิสูจน์ถึงพลังของภาพยนตร์สำหรับเพื่อการให้ความแน่ชัดเกี่ยวกับหัวข้อด้านสังคมที่สำคัญ แล้วก็เป็นเวทีสำหรับเสียงของคนริม

ดูหนัง Your Name Engraved Herein (2020)  เป็นส่วนเสริมที่สำคัญของภาพยนตร์ LGBTQ+ โดยเสนอเรื่องราวที่สะเทือนอารมณ์รวมทั้งเข้าถึงได้ ซึ่งยังคงสร้างแรงดลใจรวมทั้งกระตุ้นผู้ชมอย่างสม่ำเสมอ เป็นเครื่องเตือนสติว่าความรักนั้นไม่มีขอบเขตรวมทั้งสามารถเจริญวัยได้แม้ว่าจะพบเจอกับความลำบากก็ตาม มรดกของภาพยนตร์ประเด็นนี้ขยายออกไปเมืองนอกหน้าจอ ทิ้งผลพวงที่จีรังยั่งยืนต่อผู้ชม แล้วก็มีส่วนนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการคุยกันเกี่ยวกับสิทธิรวมทั้งการยินยอมรับของ LGBTQ+ ทั่วทั้งโลก

Your Name Engraved Herein เรื่องราวของเด็กชายม.ปลายสองคนภายในโรงเรียนชายล้วนภายหลังที่ไต้หวันประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก ปี คริสต์ศักราช 1987 อาฮั่น สวมบทโดย Edward Chen รวมทั้ง เบอร์ดี้ เล่นบทโดย Tseng Jing-hua เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากมาย อยู่ชุมนุมเดียวกัน ชักชวนกันทำเรื่องแสบๆอยู่เสมอ แต่ว่าในขณะนั้นการรักเพศเดียวกันยังเกิดเรื่องที่ได้ไม่รับการยินยอมรับ ผู้ใดที่แตกต่างกันจะถูกคิดว่าเป็นพวกไม่ปกติรวมทั้งมักโดนประทุษร้าย ทุกๆอย่างก็ดำเนินมาเรื่อยจนถึงกระอีกทั้งอาฮั่นเริ่มคิดว่าเขามีความรู้สึกบางสิ่งให้กับเพื่อนเกลออย่างเบอร์ดี้ รวมทั้งหวังว่าเบอร์ดี้จะรู้สึกเช่นเดียวกัน แม้กระนั้นเรื่องราวมันไม่ใช้ว่าจะง่ายขนาดนั้นเนื่องจากว่าภายหลังที่มีการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกทางสถานศึกษาก็เปิดรับสมัครนักเรียนหญิงเข้ามาเรียนเป็นเทอมแรก ทำให้พวกเขาเจอกับ ปันปัน สาวน้อยสวยที่มีความข้องเกี่ยวอะไรบางอย่างกับเบอร์ดี้

ทำให้อาฮั่นมีความรู้สึกว่าตนเองเป็นบุคคลภายนอกและไม่บางทีอาจกลับไปสนิทกันแบบเดิมได้ แต่เขาก็ยังคงหาคำตอบให้กับตนเองว่าเขาสิ่งที่เขารู้สึกกับเพื่อนซี้นั้นใช่ความรักหรือไม่แล้วก็รู้สึกว่าเบอร์ดี้ก็รู้สึกเหมือนกัน มีสถานะการณ์หลายประเภทเกิดขึ้นต่อไป ทั้งคู่ก็จะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วย อาฮั่นแล้วก็เบอร์ดี้มิได้พบกันอีกเลยจากนั้น จนตราบเท่าข้างหลังจบปาร์ตี้รุ่นของสโมสร อาฮั่นได้โอกาสทางการติดต่อหาเบอร์ดี้ซึ่งขณะนั้นทั้งสองก็ไปสู่กลางคนแล้ว เรื่องราวของพวกเขาจะจบลงอย่างไร