หนังตลกฝรั่ง

สำหรับใครกันแน่ที่เป็นสายติสท์ๆหน่อย ต้องการจะหาซีรีส์ฝรั่งแนวๆมองดูสักเรื่อง ขอแนะนำเรื่อง Mr. Corman เนื่องด้วยประเด็นนี้แปลกพอสมควร สำหรับคนไหนที่ชอบใจ ซีรีส์ฝรั่งขำขันๆแม้กระนั้นก็แอบสร้างแรงกระตุ้นให้กับตัวเรา ทั้งยังเรื่องนี้ยังมีการผูกไว้กับเรื่องราวตอนโควิด-19 อีกด้วย ด้วยเหตุนี้คุณอาจจะรู้สึกเข้าถึง รวมถึงเข้าไม่ถึงได้ในเวลาเดียวกัน แม้ว่าถึงอย่างไรก็แล้วแต่ ซีรีส์ฝรั่ง จาก Apple TV+ หัวข้อนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นซีรีส์ความสามารถอีกเรื่องที่ไม่อยากให้พลาด

นักแสดง แฟรงค์ กริลโล แล้วก็ แอนโธนี่ แม็คกี้ มีเคมีเพื่อนสนิทที่เข้าขากันอย่างพอดิบพอดี ประกอบกับสไตล์การดูแลภาพยนตร์ของโจ ลินช์ ที่มีจังหวะจะโคนสำหรับการใส่อารมณ์ขันแบบตลกร้าย เขาไปในเรื่องไปผ่อนบรรยากาศความตึงเครียดลงได้อย่างถูกจังหวะ สมควร ถูกเวลา ยิ่งช่วยเพิ่มความร่าเริงให้กับหนังประเด็นนี้อีกเหมือนกันจนกระทั่งมาถึงปีนี้ ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ (Francis Lawrence)

ผู้กำกับหนังผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ทั้ง ‘Constantine’ (2005), ‘I Am Legend’ (2007), ‘The Hunger Games: Catching Fire’ (2013), ‘The Hunger Games Mockingjay’ ทั้งภาค 1 (2014), ภาค 2 (2015) แล้วก็ร่วมดูแลบางตอนในซีรีส์ ‘See’ ซีซัน 1 (2019) ได้สร้างโลกที่ความฝันนี้ขึ้นมาอีกครั้ง และการแปลความใหม่ๆดังเช่นว่า การเปลี่ยนรายละเอียดติดอยู่แรกเตอร์ 2 ตัวละครสำคัญทั้งหนูน้อยนีโม (Nemo) จากชายเป็นหญิง แล้วก็สลับตัวขำขัน ฟลิป (Flip) กลายเป็นจอมโจรลีลาท่าทางร้ายมากที่สลัมเบอร์แลนด์แทน

แน่นอนว่าในหนังเชื้อสายบริการรับส่งพัสดุพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น The Transporter หรือ Baby Driver จะเห็นได้ว่าตัวนำจึงต้องควรเข้าไปพัวพันกับเรื่องอาชญากรรมที่พวกเขานึกไม่ถึง และก็ตกกะไดพลอยโจนไปกับเหตุทั้งปวง เช่นเดียวกันกับฮึนฮา ภายหลังที่คุณรับงานในการไปรับตัว ดูซิก (ย็อน อู-จิน) ป๊ะป๋าลูกติดที่บังเอิญไปล้มบอลกับนายตำรวจโจคยองพิล (ซงอร่อยยอก) และต้องการจะหนีออกนอกประเทศ แม้กระนั้นยังไม่ทันจะได้หนีขึ้นรถ

ดูซิกก็ถูกจับตัว เขาก็เลยให้ลูกชายอย่างซอวอน (จองฮยอนจุน) ไปขึ้นรถของฮึนฮาให้ทันตามกำหนดทั้งการดำเนินเรื่องยังค่อนข้างจะขาดความกระฉับ มีหลายฉากที่บทขยับตัวช้า ทำให้เรื่องราวมองดูเรื่อยเชิญชวนให้กดพักเป็นระยะ ส่วนตัวมีความคิดว่า ถึงแม้ซีรีส์หัวข้อนี้ย้ำการตัดต่อให้ดีเลิศขึ้น มีวิธีการเปลี่ยนฉากที่ดีขึ้น บางครั้งอาจจะสามารถรั้งคนอีกหลายคน ให้ยอมดูจนถึงจบเรื่องได้อย่างง่ายดายทางด้านซีจี ก็ต้องรับสารภาพว่าน้อยกว่าที่คาดคะเนไปพอสมควร

ซีรีส์ Apple TV+ Mr. Corman

เกิดเหตุราวเกี่ยวกับเด็กวัยรุ่นที่ชื่อว่า Josh Corman เขาเป็นคุณอาจารย์ประถม ที่เคยมีความต้องการว่าต้องการจะเป็นนักดนตรี แยกทางกับแฟนที่ตัวเองรัก แล้วมาอยู่กับคู่ขาของตนเอง ซึ่งเขาได้ถามกับตัวเองและก็ตกลงปลงใจที่จะไปตามหาความฝันของเขาอีกครั้ง ซึ่งเรื่องราวชีวิตของเขาสำหรับเพื่อการกลับมาทำความฝันให้เสร็จนั้นก็ดันมาเกิดขึ้นตอนโรคระบาดโควิด-19 อีกด้วย ด้วยเหตุดังกล่าวด้วยกฎเกณฑ์บางสิ่งบางอย่าง เลยส่งผลต่อจิตใจรวมทั้งการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของเขา ทำให้เขาเบาๆศึกษาและทำการค้นพบบางสิ่งบางอย่างในชีวิต

‘Slumberland’ พูดถึงเรื่องราวของ เด็กสาวนีโม (Marlow Barkley) ลูกหญิงของ ปีเตอร์ (Kyle Chandler) นักดูแลกระโจมไฟหาดผู้รักการเสี่ยงอันตราย วันหนึ่ง พ่อของคุณสูญหายด้านหลังล่องเรือตกดึกทันที คุณก็เลยควรต้องถูกย้ายไปดำรงชีพในเมืองแบบจำยอมร่วมกับฟิลิป (Chris O’Dowd) เพราะเรื่องราวเล่าย้อนไปในตอนยุค 90 อีกทั้งยังเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติ กลับใช้ซีจีได้แบบประหยัดเป็นอย่างมาก

คุณอาผู้ครอบครองบริษัทลูกบิดประตูผู้แสนจืดชืด แม้กระนั้นแล้ววันหนึ่งตอนคุณหลับ คุณได้เข้าไปยังดินแดนที่ความฝันที่เรียกว่า สลัมเบอร์แลนด์ และก็ได้พบกับ ฟลิป (Jason Momoa) จอมโจรที่กำลังตามหามุกที่ช่วยให้ความปรารถนาทั้งหลายเป็นจริงได้ ในขณะเดียวกันคุณก็จำต้องเสี่ยงอันตรายในโลกที่ความฝันที่เต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่คาดคิด และจากนั้นก็ เอเจนต์กรีน (Weruche Opia) เจ้าหน้าที่รัฐเรียบเรียงความฝันที่ตามล่าจอมโจรฟลิปมานานแสนนาน

เมื่ออึนฮา รับซอวอนมา คุณรู้ตัวอย่างฉับพลันว่าอันตรายกำลังหาจิตใจรถยนต์ต้นคอคุณ เมื่ออึนฮาถูกตามล่าอย่างไม่ลดละ สกิลการขับขี่รถเอาชีวิตรอดยังไม่เพียงพอ เมื่อคุณศึกษาค้นพบว่าสิ่งที่ซอวอนรับฝากมาจากพ่อของเขาเป็นกุญแจรหัสในการเปิดตู้เซฟ ซึ่งโจคยองพิลควรต้องชิงมาแล้วหลังจากนั้นก็พยายามจะฆ่าปิดปากซอวอนในฐานะผู้รู้เห็นเหตุการณ์ที่เข้าใจเหตุทั้งปวง โชคยังดีที่ผู้สร้างขยันใส่ฉากตุ้งแช่ หรือ Jump Scare เข้ามาบ่อยเลยยังเป็นเหตุให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นได้เป็นระยะ

ตลอดตามทางของ Special Delivery พูดได้ว่าเป็นสูตรสำเร็จในหนังอาชญากรรมที่ผู้ชมผ่านตามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ถึงแม้ว่าน่าจะจำเป็นที่จะต้องพูดว่างานนี้ ผู้กำกับอย่างพัค แดมิน รู้จังหวะจะโคนสำหรับเพื่อการทำหนังแอ็คชั่นให้ออกมาครึกครื้นตื่นเต้น พล่าน จนกว่าเรียกได้ว่าตลอด 109 นาทีนั้น เป็นความรื้นเริงแบบนอนสต็อปส่วนการมัดเรื่องหรือเงื่อนของเรื่อง ก็มีความรู้สึกว่าเยอะพอสมควร เพราะว่าศิลปินค่อนข้างจะเยอะแยะ ทำให้มีรายละเอียดอลเวงตามคาด แถมตอนสุดท้ายก็ยังไม่จัดแจงเท่าไรนัก

อาจจะต้องรับสารภาพว่า Special Delivery ไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบ เพราะว่าเรื่องความมีเหตุผล หรือทักษะของตัวละครที่เป็นตัวเอกที่น่าสงสัยอยู่ว่าคุณไปฝึกวิชาขับขี่รถตีผีอย่างนี้มาจากไหน รวมทั้งสกิลการต่อสู้สุดระห่ำด้วย ยังไม่รวมทั้งจุดหักเหในส่วนท้ายเรื่องที่ตั้งดวงใจทำมาเพื่อผู้ชมได้ยิ้มก่อนกลับบ้าน แต่เมื่อเราปิดตาสักข้างหนึ่งแล้วก็ไม่มีความเอาใจใส่สิ่งเหล่านี้ไป เราจะพบว่านี่เป็นหนังแอ็คชั่นประเทศเกาหลีอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดมองในโรงภายนตร์ขอรับ

ทั้งเรื่องของความเกี่ยวข้องในครอบครัว ความรู้สึกผิดแผกแตกต่าง ตัวตนอีกแบบของตัวเราที่ซุกซ่อนอยู่ในจิตไม่มีสำนึก หรือแม้แต่การตีความสภาพการณ์จิตในรูปแบบต่างๆออกมาเป็น Conflict ที่คอยคุกคามน้องนีโมทั้งในโลกความฝัน แล้วหลังจากนั้นก็โลกที่ความเป็นจริง ซึ่งสารอันหนึ่งที่ผู้แต่งว่านำเสนอออกมารุ่งโรจน์ก็คือ เรื่องของการทำใจเห็นด้วยถึงการจากไป ซึ่งนักเขียนว่าอันนี้ทรงพลัง และน่าจะเป็นข้อความสำคัญที่ต้องใจคนที่เคยมีประสบการณ์ในทำนองนี้เช่นเดียวกันจนกระทั่งอาจน้ำตาซึมไปเลยก็ได้

เว้นแต่ว่าตัวพล็อตเรื่องการกลับมาปฏิบัติตามความฝันของตนแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าชมรวมทั้งค่อนจะเรียลจำนวนมากๆเลยก็คือ การนำมาอิงกับเรื่องราวโควิด-19 ที่เกิดขึ้น คุณจะได้เห็นเรื่องราวบางอย่างที่เปลี่ยนไป เนื่องจากข้อโต้แย้งของโรคระบาดตัวนี้ อีกทั้งยังทำให้เราเห็นสภาพการณ์จิตตกของคนที่อยู่ในขณะที่ควรต้องล็อกดาวน์ งานนี้บางทีอาจจะจำเป็นที่จะต้องรอดูกันต่อไปว่า จะสบโอกาสได้มาเฉลยปัญหาทั้งสิ้นในช่วงฤดูกาลใหม่หรือไม่

ฉะนั้นถ้าคุณได้ดู ซีรีส์ฝรั่ง เรื่องนี้ คุณอาจจะตลกโปกฮาในเรื่องราวที่มองดูเรียลกระทั่งน่าฉงนใจ เกิดเหตุที่เราสามารถเข้าถึงได้ แต่ในขณะเดียวกันเค้าเรื่องบางอย่างคุณก็อาจจะยังเข้าไม่ถึง สรุปว่ารับมองเพื่อความสนุกสนานร่าเริง ไม่ต้องคิดมากมาย แล้วคุณจะเอนจอยไปกับมันอย่างแน่แท้แม้ว่าการเล่าสลับโลกเทียวไปเทียวมาอย่างนี้จะเชื้อเชิญให้เรื่องราวแอบงงงวยอยู่เล็กๆก็ตาม

ส่วนเคมีระหว่างนักแสดงก็กึ่งกลางไม่ดีไม่ไม่ดี พอใช้ส่วนเรื่องบทก็พอเพียงเดาได้นะ แต่จำเป็นต้องให้เครดิตการเพิ่มสีสันดาราอื่นๆเข้ามาทำให้เรื่องน่าสนใจและจากนั้นก็สนุกขึ้นในต่อมาๆไปข้างหลังๆฉากต่อสู้ก็ไม่มากไม่น้อยเลยทีเดียวนะมีบ่อยถึงแม้ว่าไม่ได้หนักซักเท่าไหร่มากมายก่ายกองแค่สักแค่ไหน จะเป็นการส่อให้เห็นถึงการพยายามเฉลยปัญหาของผู้แสดงทั้งคู่ซะมากกว่า และขัดใจล้นหลามๆเป็นดนตรีที่บากบั่นจะทำเป็นหนังคู่ซี้คนดำจังหวะเบิกบานๆใส่เข้าไป ในขณะตัวละครหรือเรื่องราวในตอนนั้นมันไม่เข้ากันอารมณ์มากๆ

รีวิว Cyberpunk: Edgerunner

เริ่มจากตัวละครที่เป็นตัวเอกของเรา เดวิด มาร์ว่ากล่าวเนซ ผู้เรียนกับครอบครัวหาเช้ากินค่ำ ที่จะจะต้องเอาชีวิตรอดและก็เรียนให้จบในเมืองห่วยสุดอวมงคล Night City แต่ว่าชีวิตเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนไปตอนหลังทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเขาถูกกลับด้วยเรื่องราวที่ไม่คาดคิดบางครั้งก็อาจจะสงสัยล่ะสิว่าเพราะอะไรผมถึงเอารูปดาราจากอนิเมะเรื่อง “จารชนชนิดแดนนรก” มาติด ไม่ผิดหรอกครับเพราะในตอนปูเรื่องของ Edgerunner ยังไม่แน่ใจว่าเป็นผมคนเดียวไหมนะ

จริงๆถ้าหากมองดูแค่เพียงตัวอย่างก็บางทีอาจสัมผัสได้นะครับว่า งานนี้ Netflix ไม่ได้มาเล่นๆแม้ว่าจะเป็นหนังแฟนตาซีครอบครัวก็ตาม เพราะเหตุว่าบอกได้ว่าเฉพาะโปรดักชันรวมทั้งงาน CGI ก็ต้องบอกได้ว่าทุ่มทุนแล้วก็ทำออกมาได้ตื่นตาตื่นใจใกล้เคียงหนังบ็อกซ์ที่ทำการเลยล่ะ ซึ่งวิชวลก็มีการอ้างอิงมาจากคอมิกต้นฉบับหลายส่วน และจากนั้นก็แอบมีกลิ่นความ Weird แบบในหนังของ ทิม เบอร์ตัน (Tim Burton) ผสมความ Realistic เข้าไป และยังแอบมี CGI ที่แอบงานไม่สุภาพเล็กน้อย

แม้กระนั้นโดยรวมก็ถือว่าวางแบบวิชวลได้สวยงามตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าจากที่ดูมีเค้าเรื่องที่คล้ายกับอนิเมะอีกหนึ่งเรื่องจาก สตูดิโอทริกเกอร์ อย่าง จารชนพวกแดนนรก พอประมาณ แบบว่าสำหรับซีรีส์ประเด็นนี้คนใดที่เป็นแฟน Joseph Gordon Levitt อาจจะติดใจแน่นอนด้วยเหตุว่าเขาสร้างเองเล่นเอง ขนความติสท์เข้ามาเต็มๆสำหรับเรื่องราวความฝันในการเป็นนักดนตรี ก็คืออีกหนึ่งทางชีวิตของเขาที่อาจจะเกิดขึ้น

ถ้าเขาไม้ได้มาเป็นนักแสดง ด้วยเหตุดังกล่าวในประเด็นนี้คุณอาจจะเห็นภาพสะท้อนในอีกแบบของ Joseph Gordon Levitt ก็เป็นได้ แต่สำหรับเรื่องราวของหัวข้อนี้ ก็ควรต้องเห็นด้วยว่าติสท์พอประมาณ เพราะมีการผสมระหว่างภาพความจริง กับความเหนือจริงให้เราได้ดูด้วย อารมณ์ซีรีส์ขำขันที่มีคู่รักตาซีหน่อยๆเรื่องราวมีอยู่ว่า Paul ได้เข้าไปพัวพันกับคนร้ายที่ลักขโมยของเจ้าพ่อคนนึงไป ทำให้เมียของเค้าถูกจับรวมทั้งเค้าจะต้องร่วมมือกับ Abe โจรที่เจ็บจากประเด็นนั้น

เพื่อทวงคืนเมียเค้ากลับมาให้ได้ ตัวหนังอุตสาหะจะสร้างอารมณ์คู่หูคนละฝา คนนึงเก่งบู๊ คนนึงกระจอกงอกง่อยไม่กล้า ออกมา แต่ด้วยภาพของ Anthony Mackie หรือ Falcon มองดูแข็งแรงเกินไป ทำให้มองดูไม่เหมือนกันที่ควรเป็น กลายเป็นคู่หูทรหดอดทนที่ดูเหมือนจะไปตบตัวละครอื่นได้โดยง่ายแม้ว่าจะปรับให้ดาราหนังของ Mackie เป็นพยาบาลไม่ใช่ความรุนแรงรวมถึงตามก็ยังไม่ช่วยเท่าไร มีความรู้สึกว่าน่าไว้วางใจยาก ถึงแม้พอเข้าใจที่หนังต้องการจะสื่อ

ส่วนในด้านของบทก็น่าสนใจ แม้วิชวลของตัวหนังเองจะเชิญให้นึกถึงการปรากฏฝันซ้อนฝันแบบในหนัง ‘Inception’ (2010) ตะหงิดๆแต่ตัวหนังเองไม่ได้ซับซ้อนหัวแตกขนาดนั้น ตรงกันข้าม ตัวหนังยังยึดความเป็นหนังครอบครัวผสมเสี่ยงกับการที่จะเกิดอันตรายแฟนตาซีที่ดำเนินเรื่องด้วยพล็อตที่ย้ำมองดูง่าย ดูครึกครื้นมีมุกฮาแกล้ม โผงผางตามขนบของหนังครอบครัวเสี่ยงภัยที่ทำนายใจตอนสุดท้ายได้ง่ายๆนัก

เสน่ห์อีกอย่างที่รอคอยแบกหนังบางทีอาจหนีไม่รอดตัวศิลปินหลักขอรับ ทั้งนีโม ที่แสดงบทบาทโดย มาร์โลว์ บาร์คลีย์ (Marlow Barkley) ที่แม้ว่าจะเป็นงานแสดงหนแรก แต่ว่าก็ถือว่าทำออกมาได้มีเสน่ห์รวมทั้งน่าสนใจมากไม่น้อยเลยทีเดียว มองดูเป็นเด็กฉลาดที่ไม่แก่แดดแก่ลม แม้กระนั้นก็แอบน่าตีนะ (555) รวมทั้งที่เด่นกระโจนเด้งบางทีอาจหนีไม่พ้น เจสัน โมโมอา (Jason Momoa) ในบทจอมโจรฟลิป ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าดูแล้ว

ก็อดคิดถึงอาการเล่นใหญ่ ขี้เย่อหยิ่ง ปากร้ายแม้กระนั้นใจดี แบบ จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp) ในหนัง ‘Pirates of the Caribbean’ และ ‘Charlie and the Chocolate Factory’ (2005) ไม่ได้จริงๆถึงแม้ว่าก็นับได้ว่าดาราหนังสำคัญในเรื่องที่มีครบทั้งยังความขบขัน งาม มีความรั้นดีบางทีอาจหนีไม่พ้นการนำเสนอเนื้อความของเรื่องขอรับ